อียิปต์ จอร์แดน 8 วัน 5 คืน โดยสายการบินอียิปต์แอร์ (MS)
Travel Information
Travel Rate
วันที่ 1
กรุงเทพฯ
21.30 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 8 เคาน์เตอร์ Q สายการบินอียิปต์แอร์ไลน์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
***คณะเดินทางช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.61 พร้อมกันที่สนามบิน เวลา 22.30 น.***
23.59 น. ออกเดินทางสู่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เที่ยวบินที่ MS 961
***คณะเดินทางช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.61 ออกเดินทาง เวลา 00.50 น. และถึงกรุงไคโร เวลา 06.05 น.***
วันที่ 2
ไคโร – กีซ่า – พีระมิด – สฟิงซ์ – โรงงานผลิตหัวน้ำหอม – เมมฟิส – ซัคคาร่า
04.15 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเดินทางสู่กรุงไคโร (Cairo) เมืองหลวงของประเทศอียิปต์เพื่อรับประทานอาหารเช้า
เช้า รับประทานอาหารเช้า
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเมืองกีซ่า (Ginza) เมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศอียิปต์ นำท่าชม มหาพีระมิดแห่งเมืองกีซ่า(Great Pyramid of Giza) คือ พีระมิดคูฟู (Khufu) , พีระมิดคาเฟร (Khafre), พีระมิดเมนคูเร (Menkaure) โดยพีระมิดคูฟู นั้นเป็นพีระมิดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในบรรดามหาพีระมิดแห่งเมืองกีซ่า เป็นที่บรรจุพระบรมศพของกษัตริย์คีออปส์ (Cheops) หรือ ฟาโรห์คูฟู (Khufu) แห่งราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอาณาจักรอียิปต์เมื่อประมาณกว่า 4,600 ปีมาแล้ว ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 30 ปี และใช้แรงงานกว่าแสนคน ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่าและเป็นหนึ่งเดียวในสิ่งมหัศจรรย์ยุคเก่าที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน
จากนั้นนำท่านชมสฟิงซ์ (Sphinx) ที่แกะสลักจากหินธรรมชาติ เป็นการผสมกันระหว่างมนุษย์กับสิงโต ส่วนหัวที่เหมือนมนุษย์นั้น มีสัญลักษณ์ของฟาโรห์อียิปต์แสดงไว้คือมีเคราที่คาง ตรงหน้าผากมีงูแผ่แม่เบี้ยและมีเครื่องประดับ รัดเกล้าแบบกษัตริย์ ลำตัวมีลักษณะคล้ายสิงโต
**ไม่รวมค่าขี่อูฐ และค่าเข้าด้านในพีระมิด หากท่านสนใจ กรุณาติดต่อที่หัวหน้าทัวร์**
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน อาหารจีน
จากนั้นชมโรงงานผลิตหัวน้ำหอม (Perfume Factory) ซึ่งกล่าวกันว่าการทำน้ำหอมนี้ เป็นสูตรดั้งเดิม ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัย พระนางคลีโอพัตรา และที่นี้ยังเป็นศูนย์กลางแหล่งผลิตหัวน้ำหอมขนาดใหญ่ให้กับแบรนด์เนมยี่ห้อดังๆหลายยี่ห้ออีกด้วย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเมมฟิส (Memphis) เป็นเมืองหลวงแรกของอาณาจักรอียิปต์โบราณ เมื่อฟาโรห์นาเมอร์ (Narmer) ได้รวบรวมอาณาจักรอียิปต์ รวมเป็นหนึ่งเดียวได้ นำท่านชมรูปแกะสลักขนาดยักษ์ ด้วยหินอลาบาสเตอร์ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 (Ramesses II) ระหว่างทางยังมีต้นอินทผาลัมขึ้นเป็นแถวอย่างสวยงามอีกด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเมืองโบราณซัคคาร่า (Saqqara) เพื่อชมพีระมิดขั้นบันได เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ อีกทั้งยังใช้เป็นสถานที่ฝั่งศพของกษัตริย์ ซอเซอร์ และเป็นต้นแบบของพีระมิดในยุคต่อมา จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่กรุงไคโร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
เดินทางเข้าสู่ที่พัก Barcello Cairo Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ 3
ไคโร – อเล็กซานเดรีย – หลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย – ป้อมปราการซิทาเดล – เสาปอมเปย์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางไปยังเมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสอง รองจากกรุงไคโร เมืองนี้เคยถูกปกครองโดยชาวเมืองอียิปต์ ชาวกรีก ชาวโรมัน รวมถึงการครอบครองของราชวงศ์ชาวมุสลิมต่างๆ ทำให้เมืองนี้เป็นแหล่งผสมผสานศิลปะอียิปต์ กรีก โรมัน และอิสลามเข้าด้วยกันอย่างน่าสนใจยิ่ง เมืองอเล็กซานเดรียเคยเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ เมื่อประมาณ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปีก่อนคริสตกาล พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) แห่งราชวงศ์อาร์กีด จากแคว้นมาซิโดเนีย ได้เข้ามายึดครองและมีคำสั่งให้ปรับปรุงขยายเมืองเพื่อสถาปนาเป็นเมืองหลวงในสมัยพระองค์ พร้อมทั้งตั้งชื่อว่าเมืองอเล็กซานเดรีย และเมืองนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของพระนางคลีโอพัตรา(Cleopatra) และจอมทัพผู้กล้าแห่งโรมัน มาร์ค แอนโทนี(Mark Antony) ปัจจุบันนี้เป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก นำท่านชมหลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย (Catacomb) ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง เป็นอุโมงค์ที่เก็บศพและทรัพย์สมบัติของกษัตริย์อียิปต์โบราณ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย นำท่านชมป้อมปราการซิทาเดล (Citadel) ซึ่งในอดีตนั้นคือที่ตั้งของประภาคารฟาโรส (Pharos of Alexandria) ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างประมาณ 270 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในรัชสมัยพระเจ้าปโตเลมีที่ 1 โดยสถาปนิกชื่อ โซสเตรโตส สร้างด้วยหินอ่อนแกะสลัก มีตะเกียงขนาดใหญ่บนยอด โดยนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าในเวลากลางวันจะปล่อยควัน และในเวลากลางคืนจะเป็นแสงไฟสว่างที่เห็นได้จากระยะไกล
จากนั้นนำท่านชมเสาปอมเปย์ (Pompey’s Pillar) ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญโบราณในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ มีลักษณะเป็นเสาแกรนิตสูงประมาณ 27 เมตร คำว่าปอมเปย์นั้นเป็นชื่อเพื่อนสนิทของจูเลียส ซีซ่า (Julius Caesar) ผู้นําที่ยิ่งใหญ่แห่งโรมัน ซึ่งภายหลังทั้งสองได้กลายเป็นศัตรูกัน ปัจจุบันนี้เหลือเพียงแค่เสาโบราณแบบกรีก ตั้งอยู่อย่างโด่ดเด่น และสฟิงซ์อีกสองตัว จากนั้นนำท่านเดินทางกลับกรุงไคโร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
เดินทางเข้าสู่ที่พัก Barcello Cairo Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ 4
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ – ศูนย์กลางการทำกระดาษปาปีรุส – สุเหร่าโมฮัมหมัด อาลี – ตลาดข่านเอลคาลีลี – ล่องเรือทาน อาหารค่ำแม่น้ำไนล์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นําท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ (Egyptian Museum) อันเลื่องชื่อ เป็นสถานที่ที่รวมศิลปะวัตถุโบราณมากมายที่สุด ชมโลงศพทองคำแท้พร้อมหน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมน (Tutankhamun) อันดังก้องโลก และสมบัติส่วนตัวอีกมากมายของพระองค์ อาทิเช่น เตียงบรรทม พัด ของเล่นต่างๆ รถศึกและเก้าอี้ บรรลังก์ทองคํา นอกจากนี้ ท่านยังจะได้ชมสมบัติอันลํ้าค่าอื่นๆ อีกจํานวนมากเช่น แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ ฝีมือ ประณีต สิ่งของทั้งหมดล้วนมีอายุเก่าแก่กว่า 3,000 ปี
**พิเศษนำท่านเข้าชมห้องมัมมี่ของพระมหากษัตริย์ทั้ง 11 พระองค์**
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย จากนั้นชมศูนย์กลางการทำกระดาษปาปีรุส (PAPYRUS FACTORY) ซึ่งเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกทำจาก ต้นกก (Papyrus) เพื่อใช้บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในสมัยอียิปต์โบราณ จากนั้นนำท่านชม สุเหร่าโมฮัมหมัด อาลี (Muhammad Ali Mosque) ออกแบบโดยสถาปนิกชาวกรีก สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1848 ใช้เวลาในการสร้างนานกว่า 18 ปี นับเป็นสุเหร่าที่ใหญ่และสูงที่สุดในกรุงไคโร ตรงกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีโดมขนาดใหญ่ และมีโดมขนาดเล็กรองรับอีก 4 มุม ตัวอาคารสร้างด้วยหิน อลาบาสต์ ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าอันงดงามตามแบบศิลปะอิสลาม
จากนั้นนำท่านไปช้อปปิ้งสิ้นค้าพื้นเมืองอันงดงามที่ตลาดข่านเอลคาลีลี (Khan el-Khalili) ตลาดสำคัญทางการค้าขายของพื้นเมืองและ สินค้าที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงไคโรประเทศอียิปต์ ท่านสามารถเลือกซื้อของพื้นเมืองสวยๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้าหอมที่ทำด้วยมือ สินค้าต่างๆ เครื่องทองรูปพรรณและเพชรพลอยลวดลายแบบอาหรับ พรม และของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ
ค่ำ รับประทานทานอาหารค่ำบนเรือ (Dinner Cruise)
สัมผัสบรรยากาศอันงดงามยามค่ำคืนตลอดสองฝั่งแม่น้ำไนล์
พร้อมชมการแสดงระบำหน้าท้อง และการแสดงพื้นเมืองที่น่าตื่นเต้น
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม Barcello Cairo Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ 5
ไคโร – อัมมาน (บินภายในสู่ประเทศจอร์แดน) – มาดาบา – เม้าท์ เนโบ – เพตรา
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
04.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อเดินทางไปยังประเทศจอร์แดน
***คณะเดินทางวันที่ 06-13 ก.ย., 11-18, 18-25 ต.ค. 61 นัดหมาย เวลา 03.45 น.
07.25 น. ออกเดินทางสุ่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ MS 719
***คณะเดินทางวันที่ 06-13 ก.ย., 11-18, 18-25 ต.ค. 61 ออกเดินทาง เวลา 06.45 น. และถึงกรุงอัมมาน เวลา 09.05 น.***
08.40 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติ Queen Alia กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นำท่านเดินทางสู่เมืองมาดาบา (Madaba) หรือเมืองแห่งโมเสก ชมโบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ (Greek Orthodox Church of St. George) ถูกสร้างในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้นแสดงถึงพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเล็ม, แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เขาไซนาย, อียิปต์ ฯลฯ
นำท่านเดินทางชมเมาท์ เนโบ (Mount Nebo) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเขาซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของโมเสส ผู้นำชาวยิวที่นำพาชาวยิวเดินทางจากอิยิปต์มายังเยรูซาเลม ชมโบสถ์อนุสรณ์โมเสส (The Moes Memorial Church) ภายในโบสถ์ประกอบไปด้วยภาพโมเสกสีบนพื้นโบสถ์อันล้าค่า แสดงถึงภาพชีวิตสัมพันธ์ระหว่างคน, สัตว์ และธรรมชาติ, รูปคน ฯลฯ และยังมีแท่นพิธี ม้านั่ง ตามรูปแบบของศาสนาคริสต์ไว้ประกอบพิธีต่าง ๆ และอนุญาตให้ใช้ในปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 2000 โป๊ป จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาแสวงบุญที่นี่และได้ประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นชมอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธ์แห่งโมเสส ซึ่งมีลักษณะเป็นไม้เท้าในรูปแบบไม้กางเขน โดยอุทิศเป็นสัญลักษณ์ของโมเสส และพระเยซู ถ่ายรูป ณ จุดชมวิว โดยในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านสามารถมองเห็น แม่น้าจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เมืองเบธเลเฮม และประเทศอิสราเอล ได้จากจุดนี้อย่างชัดเจน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเพตรา (Petra) เมืองเพตรา มหานครศิลาทรายสีชมพู หรือ Rose City ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และ ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของแห่งโลกใหม่ (New7Wonders of the World) จากการตัดสินโดยการโหวตจากบุคคลนับล้านทั่วโลกในวันมหัศจรรย์ 07/ 07/ 07 มหานครสีดอกกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาวาดี มูซา (Wadi Musa Valley) หรือหุบเขาแห่งโมเสส ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล โดยชาวนาบาเทียน (Nabataeans) และได้กลายมาเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นตลาด ซื้อสินค้าสำคัญที่สุดของโลกตะวันออก ที่ต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบ เห็นเข้าเมื่อปี พ.ศ. 2355 และนำไปเขียนในหนังสือชื่อ “TRAVEL IN SYRIA” จนทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม Sella Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ 6
นครเพตรา – มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล คาซเนท์ – ทะเลเดดซี
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านชมเมืองเพตรา (Petra) ให้ท่านได้ขี่ม้าระยะทางประมาณ 800 เมตร บนถนนทรายเพื่อตรงเข้าสู่หน้าเมือง **ไม่รวมค่าทิปขี่ม้า โดยประมาณ 3 USD** (ไม่รวมค่าขี่ลา, ขี่อูฐ, รถม้าลาก สนในกรุณาติดต่อที่หัวหน้าทัวร์)
จากนั้นเดินเท้ากับเส้นทางมหัศจรรย์กว่า 1.5 กิโลเมตร ที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน เดินชมความสวยงามของผาหินสีชมพูสูงชันทั้ง 2 ข้างทาง จนพบกับความสวยงามของ มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล คาซเนท์ (Al-Khazneh หรือ The Treasury) ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างในศตวรรษที่ 1-2 เป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาสีชมพูทั้งลูก มีความสูง 40 เมตร และ มีความกว้าง 28 เมตร วิหารแห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดยได้รับอิทธิพลศิลปะของหลายชาติเข้าด้วยกัน เช่น อิยิปต์, กรีก, นาบาเทียน ฯลฯ เดิมทีถูกเชื่อว่าเป็นที่เก็บขุมทรัพย์สมบัติของฟาโรห์อิยิปต์ นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีได้ลงความเห็นตรงกันว่า น่าจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับผู้ปกครองเมือง, ใช้เป็นสถานที่ทำพิธีกรรมทางศาสนา
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลเดดซี (Dead Sea) ซึ่งเป็นทะเลที่ถูกบันทึกลงใน กินเนสส์บุ๊ค ว่า เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก มีความต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร และ มีความเค็มที่สุดในโลกมากกว่า 20 เปอร์เซนต์ของน้ำทะเลทั่วไป ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยอาศัยอยู่ได้ในท้องทะเลแห่งนี้ ให้ท่านอิสระในการลงเล่นน้ำทะเล และ พิสูจน์ความจริงว่าสามารถลอยตัวได้จริงหรือไม่ (การลงเล่นน้ำในทะเลมีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่างๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่น)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
เดินทางเข้าสู่ที่พัก Ramada Resort หรือเทียบเท่า
วันที่ 7
เดดซี – นครเจอราช – อัมมาน – ช็อปปิ้งตลาดพื้นเมือง – สนามบิน – ไคโร
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่นครเจอราช (Jerash) 1 ใน 10 หัวเมืองเอกตะวันออกอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน โดยสันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล ในปี ค.ศ. 749 นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำลาย และถูกฝังกลบโดยทราย หลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี ชมซุ้มประตูกษัตริย์เฮเดรียน (Hadrian 's Arch)
จากนั้นนำท่านเดินเข้าประตูทางทิศใต้ชมโอวัลพลาซ่า (Oval Plaza) สถานที่ชุมนุมพบปะสังสรรค์ของชาวเมือง ชมโรมันโบราณ (South Roman Theatre) ซึ่งก็คือโรงละครทางทิศใต้ สร้างในราวปี ค.ศ. 90-92 จุผู้ชมได้ถึง 3,000 คน มีจุดเสียงสะท้อนตรงกลางโรงละคร เชิญทดสอบกับความอัศจรรย์เพียงพูดเบาๆ ก็จะมีเสียงสะท้อนก้องเข้ามาในหูของเรา จากนั้นนำท่านชมน้ำพุใจกลางเมือง (Nymphaeum) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด และตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย นำท่านชมเมืองหลวงกรุงอัมมาน (Amman) เมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนภูเขา 7 ลูก และมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 6,000 ปี ผ่านชมย่านเมืองเก่า เมืองใหม่ ย่านธุรกิจ ตลาดใจกลางเมือง ย่านคนรวย ฯลฯ จากนั้นนำท่านชม ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (Citdael) ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุการณ์ต่างๆรอบเมือง ให้ท่านอิสระถ่ายรูปตรงจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองแห่งนี้ โดยมีฉากหลังเป็นโรงละครโรมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดนที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 6,000 คน และ ตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง อันแปลกตายิ่งนัก จากนั้นให้ท่านช้อปปิ้งตลาดพื้นเมืองหรือห้างสรรพสินค้าตามอัธยาศัย
16.00 น. หลังจากนั้นได้เวลาสมควร เดินทางสู่สนามบิน Queen Alia International Airport เพื่อบินกลับกรุงเทพฯ
19.10 น. ออกเดินทางบินกลับกรุงไคโร โดยเที่ยวบินที่ MS702 แวะต่อเครื่องที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์
***คณะเดินทางวันที่ 06-13 ก.ย., 11-18, 18-25 ต.ค. 61 ออกเดินทาง เวลา 20.15 น.
20.40 น. ถึงสนามบินไคโร เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
22.35 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ MS 960
วันที่ 8
ไคโร – กรุงเทพฯ
12.35 น. คณะเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
อัตราค่าบริการนี้รวม
- ค่าตั๋วเครื่องบิน ชั้นประหยัด ( Economy Class) ที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมคณะ (ในกรณีมีความประสงค์อยู่ต่อ จะต้องไม่เกินจำนวนวัน และอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสายการบิน)
- ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
- ค่ารถโค้ชปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการ
- ค่าห้องพักในโรงแรมตามที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า (3 ดาว – 4 ดาว)
- ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
- ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการ
- ค่าวีซ่าเข้าประเทศอียิปต์และประเทศจอร์แดน
- ค่าประกันภัยการเดินทางรายบุคคล (หากต้องการเงื่อนไขกรมธรรม์สอบถามได้จากเจ้าหน้าที่) ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในระหว่างการเดินทางวงเงินไม่เกินท่านละ 1,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลในกรณีเกิดอุบัติเหตุวงเงินไม่เกินท่านละ 500,000 บาท (ตามเงื่นไขกรมธรรม์) ** ลูกค้าท่านใดสนใจ...ซื้อประกันการเดินทางสำหรับครอบคลุมเรื่องสุขภาพสามารถสอบถามข้อมูล เพิ่มเติมกับทางบริษัทได้ ** เบี้ยประกันเริ่มต้น 341 บาท [ระยะเวลา 4-6 วัน] เบี้ยประกันเริ่มต้น 395 บาท [ระยะเวลา 7-10 วัน] **ความครอบคลุมผู้เอาประกันที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิด ถึง 85 ปี ** [รักษาพยาบาล 2 ล้าน, เสียชีวิตหรือเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุ 1.5 ล้านบาท]
- ค่ามัคคุเทศก์ของบริษัทดูแลตลอดการเดินทาง (ไม่รวมทิปมัคคุเทศก์)
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
- ค่าธรรมเนียมการจัดทำหนังสือเดินทาง
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิเช่น ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง, ค่าน้ำหนักเกินจากทางสายการบินกำหนดเกินกว่า 23 ก.ก.และมากกว่า 2 ชิ้น, ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้
- ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ในกรณีที่สายการบินมีการปรับขึ้นราคา
- ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง
- ค่าทิปพนักงานขับรถ และไกด์ท้องถิ่น (ท่านละ 30 USD)
- ค่าทิปมัคคุเทศก์จากเมืองไทย (ท่านละ 24 USD)